สิวเป็นปัญหาผิวที่ทุกคนต้องเจอแม้จะไม่อยากเจอก็ตาม แม้ว่าจะดูแลผิวหน้าเป็นอย่างดีและรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่วายที่หลายคนจะยังมีสิวขึ้นบนใบหน้า เพราะสาเหตุของสิวนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง และวิธีการรักษาก็ไม่มีวิธีตายตัว ซึ่งแต่ละคนก็ยังคงต้องสรรหาวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดต่อไป อย่างไรก็ตาม การใช้ครีมรักษาสิว เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยรักษาและดูแลผิวหน้าให้เนียนใสได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เรามาดูกันว่าครีมแบบไหนที่ช่วยรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพกันบ้าง : ครีมลดรอยสิว
ครีมรักษาสิว Benzac AC 5%
จัดว่าเป็น ครีมรักษาสิวยอดนิยมตัวหนึ่งที่คนเป็นสิวแทบทุกคนรู้จักกันดี เพราะหลายคนที่ใช้ต่างยืนยันว่าเป็นครีมรักษาสิวที่ช่วยรักษาสิวอักเสบให้แห้งและยุบลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นทางเลือกในการรักษาสิวในเวลาเร่งด่วนที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
Benzac AC เป็นครีมแก้สิว ชื่อทางการค้าของตัวยา Benzoyl peroxide ที่มีคุณสมบัติในการรักษาสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว กำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว เมื่อใช้ตัวยานี้จะทำให้ผิวแห้งเนื่องจากไขมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดอยู่บนผิวหน้าถูกชะล้างออกไป จึงเป็นการกำจัดสิวได้จากต้นเหตุ
วิธีใช้
ใช้ Benzac AC 5% ทาบริเวณที่เป็นสิววันละ 1-2 ครั้งหลังจากล้างหน้า หรืออาจใช้เพิ่มมากกว่านี้ตามคำสั่งของแพทย์ โดยเริ่มต้นจากการล้างหน้าให้สะอาด และเช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นทา Benzac AC 5% บางๆ ลงบนผิวบริเวณที่เป็นสิว หลีกเลี่ยงการใช้ยากับผิวในบริเวณที่มีความบอบบาง ในช่วงเริ่มต้นให้ใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อตรวจสอบอาการแพ้และเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับตัวยา หากไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ให้ใช้ขนาดยาตามปกติหลังวันที่ 3-4 เป็นต้นไป ทาบางๆ ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก
ผิวที่ทาครีมรักษาสิว Benzac AC 5% อาจจะมีความบอบบางและระคายเคืองได้ง่ายหลังยา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรงและแสงแดดแรงๆ นอกจากนี้ ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปเพื่อป้องกันการระคายเคืองและควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
ข้อควรระวัง
หลีกเลี่ยงการใช้ครีมรักษาสิว Benzac AC 5% กับสตรีที่มีครรภ์หรือกำลังอยู่ในระหว่างให้นมบุตร และหลีกเลี่ยงการใช้ครีมรักษาสิวชนิดนี้ในเด็ก
ครีมรักษาสิว พิก โบทานิค คลีน
นี่ไม่ใช่การล้างหน้าธรรมดา ครีมทาสิวสูตรเฉพาะพิกต่างจากการล้างหน้าทั่วไป ไม่ทำลายผิว คงน้ำเลี้ยงผิว คุมมัน กระชับรูขุมขน สำหรับสิว ผิวแพ้ง่าย เปลี่ยนมาใช้ พิก โบทานิค คลีน เพราะล้างหน้าแบบเดิมใช้สารทำความสะอาดไม่อ่อนโยน ทำลายเกราะป้องกันของผิวทุกครั้งที่ล้าง เป็นสิว ริ้วรอย ปราศจากสารที่ยิ่งล้าง ยิ่งแย่
ดียังไง
- รูขุมขนกระชับ
- ครีมรักษาสิว สำหรับผิวแพ้ง่าย
- ล้างง่ายไ่ตกค้าง
- อ่อนโยนต่อผิว
ช่องทางการสั่งซื้อ สอบถามได้ตลอด 24 ชม.
Website : https://pixbotanic.com/acne-clean
LineID : @pixbotanic
ครีมรักษาสิว Retin-A
เป็นครีมทาสิว ที่รู้จักกันดีมากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง โดยนิยมใช้ทารักษาสิวอุดตันชนิดไม่มีหัว ซึ่ง Retin A เป็นยาทาอนุพันธ์ของวิตามิน A ที่มีชื่อว่า Tretinoin ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก จึงทำให้ Comedones ที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตันที่อยู่บริเวณผิวชั้นนอกหลุดลอกออกไป จึงเหมาะที่จะใช้เพื่อรักษาสิวอุดตันมากกว่าสิวอักเสบ เนื่องจากสาเหตุของสิวอักเสบนั้นอยู่ในชั้นผิวที่ลึกลงไปโดยที่ Retin-A ไม่สามารถซึมซาบลงไปจัดการกับต้นเหตุของสิวในชั้นผิวหนังที่ลึกลงไปได้
Retin A เป็นครีมทาสิวรุ่นดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน โดยจะช่วยลดสิวอุดตันและสิวผดได้ดี แต่ไม่สามารถรักษาสิวอักเสบได้ดีนัก อีกทั้งยังลดรอยแดงจากสิวไม่ค่อยได้ แต่จะได้ผลดีหากใช้ในการลดรอยดำของผิวที่เกิดจากสิว นอกจากนี้ยังช่วยในการลดริ้วรอยและชะลอความชราของผิว, ช่วยลดความมันบนใบหน้า และยังช่วยปรับสีผิวให้ขาวขึ้นได้อีกด้วย
Retin A มีความเข้มข้นอยู่หลายขนาดคือ 0.025%, 0.05%, 0.1% ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวที่เป็นอยู่
วิธีใช้
ใช้ทาก่อนนอน หลังทำความสะอาดผิวหน้าและเมื่อซับผิวให้แห้งสนิทแล้ว จากนั้นให้ทา Retin A บางๆ ลงบนผิวเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว สิ่งที่ต้องเน้นมากๆ สำหรับการใช้ครีมทาสิวตัวนี้คือ ต้องทาตัวยาในปริมาณที่บางมากๆ เนื่องจากมีฤทธิ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง โดยในช่วงเริ่มต้นอาจทาครีมรักษาสิว Retin A ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก จากนั้นก็เริ่มปรับมาทาแบบวันเว้นวัน เมื่อผิวเริ่มปรับสภาพได้แล้วก็ทาได้ทุกวันจนกว่าสิวจะหาย แต่ควรหลีกเลี่ยงการทาครีมทาสิว Retin A กับผิวที่บอบบาง
ข้อควรระวัง
Retin A จะทำให้ผิวบางลงและไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน และไม่ควรทาครีมในช่วงเช้าหรือกลางวัน ควรทาเฉพาะในเวลากลางคืนก่อนนอนเท่านั้น โดยในตอนกลางวันควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 เป็นอย่างน้อยเพื่อช่วยลดผลข้างเคียงจากผิวที่บอบบางลงและไวต่อแสง
ครีมรักษาสิว พิก โบทานิค ครีม
ให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นฟูโครงสร้างผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น กระชับขึ้นจนสัมผัสได้ ลดสิว หน้าไม่มัน ผิวได้หายใจ ชุ่มชื้น ซึมเร็ว เบาสบายผิว ไม่อุดตันรูขุมขน ผิวระบายอากาศได้ดีเพื่อการรักษาสิว ซึมลึกถึงผิวชั้นในจนรู้สึกได้ โดยไม่ตกค้างอยู่บนผิวหนังชั้นบน ต่างจากครีมลดสิวทั่วไปที่เหนอะหนะ
ดียังไง
- ครีมกำจัดสิว แก้ทุกปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบ สิวสเตียร์รอยด์ สิวอุดตัน
- บำรุงผิวก่อนนอน ปกป้องผิวสูญเสียน้ำ
- หยุดใช้ครีมลดสิว สิวก็ไม่กลับมา
ช่องทางการสั่งซื้อ สอบถามได้ตลอด 24 ชม.
Website : https://pixbotanic.com/acne-cream
LineID : @pixbotanic
ครีมรักษาสิว Differin
เป็นครีมทาสิว ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Retin A แต่ระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่า ซึ่ง Differin เป็นชื่อทางการค้าของตัวยา Adalapene 0.1% ที่ใช้ในการรักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบในระยะเริ่มต้นได้ดีพอสมควร ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของ Differin คือไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จึงสามารถใช้ได้กับผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย
ในช่วงแรกที่ใช้ครีมทาสิว Differin ผู้ใช้อาจพบว่าผิวหน้าจะมีสิวขึ้นมากกว่าเดิมซึ่งไม่ต้องตกใจ เพราะตัวยาจะไปทำปฏิกิริยากับสิวในรูขุมขนให้โผล่ขึ้นมาด้านบนผิวหนังซึ่งจะทำให้กำจัดสิวได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้นต้องอดทนใช้อย่างต่อเนื่องไปสักระยะจึงจะเห็นว่าผิวหน้าค่อยๆ กลับมาเรียบเนียนใส ไร้สิวอย่างที่ต้องการ
Differin มีรูปแบบของผลิตภัณฑ์หลายแบบ ทั้ง Differin แบบครีมความเข้มข้น 0.1%, Differin แบบเจล ความเข้มข้น 0.1% และ Differin ที่ผสมกับตัวยาอื่นในรูปแบบเจล แต่ในประเทศไทยจะมีจำหน่ายเฉพาะ Differin ความเข้มข้น 0.1 % เท่านั้น
วิธีใช้
ก่อนนอน หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ให้ใช้ Differin ทาบางๆ ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน หากกลัวแพ้หรือมีผิวบอบบางอาจใช้สัปดาห์และ 2-3 วัน
ข้อควรระวัง
Differin มีผลทำให้ผิวหนังบางลง และไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมทาสิวตัวนี้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรดชนิดอื่นๆ เช่น สบู่ล้างหน้าที่เป็นกรด หรือแชมพูและยาย้อมผมที่เป็นกรด หลีกเลี่ยงการขัดผิวหน้าในช่วงระยะเวลาที่ใช้ครีมรักษาสิว ตัวนี้เพราะอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30 ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และไม่ควรใช้ครีมทาสิวตัวนี้ในคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร รวมทั้งในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
ครีมรักษาสิว Skinoren Cream
ครีมทาสิวตัวนี้จัดว่าเป็นครีมทาสิวอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ในการรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ ฝ้า กระ และจุดด่างดำได้หลอดเดียว
Skinoren Cream มีตัวยาออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ Azelaic acid ที่มีคุณสมบัติช่วยลดสิวอุดตัน ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวชั้นบนบางลง อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิว นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ จึงช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้เป็นอย่างดี
Skinoren Cream เป็นครีมทาสิวที่ใช้ทั้งการรักษาสิว ฝ้า กระ และช่วยผลัดผิวหน้าทำให้ผิวขาวใส ที่สำคัญคือมีฤทธิ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่าครีมรักษาสิวตัวอื่นๆ ในท้องตลาด จึงเหมาะที่จะใช้ในการรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ ที่มีความรุนแรงไม่มากนัก แต่ในคนที่เป็นสิวอักเสบ สิวอุดตันรุนแรงจะไม่เหมาะที่จะใช้ Skinoren Cream เนื่องจากอาจไม่เห็นผลในการรักษามากนัก
วิธีใช้
ใช้วันละครั้งก่อนนอน ทาครีม Skinoren Cream ให้ทั่วทั้งใบหน้า
ข้อควรระวัง
แม้จะเป็นครีมรักษาสิวที่มีความอ่อนโยน แต่บางคนก็อาจเกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นควรเริ่มต้นใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อน หากมีอาการผิวแดง แสบ ร้อนควรหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ครีมทาสิว Mentholatum Acnes Sealing Jell
เป็นครีมทาสิว ที่ช่วยในการรักษาสิวอักเสบ อีกทั้งยังช่วยควบคุมความมันส่วนเกินของใบหน้าที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตันและสิวอักเสบ เนื้อสัมผัสเป็นเจล เย็นสบายผิว ทาแล้วซึมลงผิวได้เร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ
Mentholatum Acnes Medicated sealing jelly Gel เป็นครีมทาสิวที่ช่วยทำให้สิวอักเสบ ยุบและแห้งลงได้อย่างรวดเร็ว มีส่วนผสมของ Castor Oil หรือน้ำมันละหุ่ง และ Sulfur ที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบนผิวที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ แต่เนื้อครีมอาจมีกลิ่นของซัลเฟอร์ที่หลายคนอาจรู้สึกไม่คุ้นเคยในช่วงแรกๆ ที่ใช้ แต่เมื่อใช้ไปสักพักก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ครีมทาสิวตัวนี้อาจไม่ช่วยในเรื่องของการลดรอยดำและรอยแดงจากสิว
วิธีใช้
ใช้ทาบางๆ บริเวณที่เป็นสิวทิ้งเอาไว้ข้ามคืน
ข้อควรระวัง
มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และมีคุณสมบัติทำให้สิวแห้งและผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกออก ดังนั้นจึงอาจทำให้ผิวแห้งลอก ดังนั้นจึงควรทาบางๆ เฉพาะบริเวณที่เป็นสิว คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรใช้อย่างระมัดระวัง
ครีมทาสิว Smooth E Acne Hydro Gel
เป็นเจลแต้มสิวที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้จำนวนไม่น้อย เนื่องจากใช้แล้วเห็นผลจริง ซึ่งเจลแต้มสิวตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาสิวอักเสบและสิวอุดตันครบในหลอดเดียว โดยมีส่วนผสมของ Rapid Action Treatment Hydrogel ที่ให้ผลในการรักษาสิวได้ทันที เนื้อเจลมีความบางเบา ทาแล้วซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้เร็ว และได้รับการรับรองจากทางการแพทย์แล้วว่ามีคุณสมบัติที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว สิวหายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้ให้กวนใจ
วิธีใช้
ทาบางๆ บริเวณที่เป็นสิวในตอนเช้าและเย็น หลังทำความสะอาดผิวหน้า
ข้อควรระวัง
บางคนอาจจะรู้สึกแสบผิวเล็กน้อยเมื่อใช้แต้มลงบนหัวสิว และผิวบริเวณที่ทาอาจแห้ง ลอกบ้างเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ทาทั่วใบหน้า ให้ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวก็เพียงพอแล้ว
ครีมแก้สิว Vincere’ Anti-Acne Cream
เป็นครีมแต้มสิวอักเสบที่ช่วยแก้ไขปัญหาสิวอักเสบ สิวเสี้ยน รวมถึงรักษาสิวที่เป็นหนอง ครีมแต้มสิวตัวนี้มีส่วนผสมของ Niacinamide หรือวิตามินบี 3 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดรอยแดงรอยดำที่เกิดจากสิว เพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, Zinc gluconate ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ สมานแผล ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิว , Retinol complex ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่ขึ้นใหม่กระจ่างใสขึ้น และยังมี Centella Extract ที่ทำหน้าที่ในการฟื้นฟูผิว สมานผิวที่อักเสบจากสิวให้ฟื้นคืนสภาพที่ดีขึ้น
วิธีใช้
หลังทำความสะอาด ให้ใช้ครีมรักษาสิวตัวนี้แต้มบริเวณที่เป็นสิว วันละ 3 ครั้ง และสามารถใช้บ่อยได้เท่าที่ต้องการ
ข้อควรระวัง
เมื่อใช้ติดต่อไปนานๆ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาสิวลดลง ดังนั้นจึงควรใช้เท่าที่จำเป็น
ครีมรักษาสิวหน้าใส Himalaya Acne-n-Pimple Cream
ครีมรักษาสิวหน้าใส กลิ่นสมุนไพรสูตรเข้มข้นเพราะเป็นครีมเวชสำอางที่มีชื่อเสียงมากจากอินเดีย เนื้อครีมแม้จะมีความเข้มข้นแต่ทาแล้วซึมลงบนผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่อุดตันรูขุมขน มีคุณสมบัติในการลดรอยผื่น รอยแดง และรักษาสิวอักเสบได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยสมานผิวทำให้ผิวดูเนียนเรียบ
วิธีใช้
ใช้แต้มบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ วันละ 2 ครั้ง
ครีมรักษาสิว ได้ผลจริง 2019 ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ล้วนมีส่วนประกอบของตัวยาในการช่วยลดสิวอุดตันและสิวอักเสบ ซึ่งช่วยในการแก้ไขปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงจากสิว แต่ข้อควรระวังก็คือตัวยาที่มีความเข้มข้นสูง และอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นการใช้ยารักษาสิวในกลุ่มนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำภายหลังการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เมื่อเกิดผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ ควรหยุดใช้ครีมรักษาสิวดังกล่าวและรีบปรึกษาแพทย์ทันที