ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การนำสารไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติที่สามารถสลายกลายเป็นน้ำละลายออกไปได้หมด มาฉีดลงบนชั้นผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มร่องตื้น และร่องลึกให้มีความตึงกระชับ เรียบเนียนมากขึ้น ส่งผลให้สาวๆ ที่มีผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยต่างๆ ที่คอยกวนใจ จะสามารถกลับมามีใบหน้าที่สดใส แลดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นตัวช่วยในการเสริมความงามที่สะดวก ง่าย และใช้เวลาไม่นาน โดยแพทย์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราวๆ 15-30 นาทีเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นวิธีเสริมความงามที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนไข้ที่กลัวการผ่าตัด เพราะเป็นวิธีที่ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จแล้วก็สามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การฉีดFiller ใต้ตา ยังมาพร้อมราคาที่ไม่สูงเท่าการผ่าตัด แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีได้เทียบเท่าการผ่าตัดศัลยกรรมเลยทีเดียว แถมยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก เพราะสารฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานเมื่อถูกฉีดเข้ายังชั้นผิวบริเวณใต้ตาแล้ว จะสามารถสลายหายไปตามธรรมชาติในระยะเวลาที่เหมาะสม ทำให้ไม่มีสิ่งตกค้างภายในร่างกาย ถือเป็นสารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยมากกว่าสารประเภทซิลิโคนหรือสารเลียนแบบอื่นๆ ที่เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวแล้วมักจะจับตัวเป็นก้อน และสลายได้ยาก
หัวข้อต่างๆของการ ฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยจริงหรือไม่ ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร ?
วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรทำอย่างไรบ้าง ?
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตา มีอะไรบ้าง ?
ราคาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ แพงไหม ?
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ฉีดใต้ตา ตัวไหนดี ?
จะเกิดอะไรขึ้น หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม และจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ?
ความผิดพลาดที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะส่งผลอย่างไรได้บ้าง ?
ปัญหาที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดพลาด มีอะไรบ้าง ?
ทำไมในบางกรณี การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงทำให้ตาบอดได้ ?
มีเหตุผลอะไรบ้าง ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?
สาวๆ หลายคนอาจจะได้ยินมาว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นั้นมีความเสี่ยงสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเสี่ยงที่เลื่องลือกันนี้อาจเกิดจากการที่ราคาการฉีดฟิลเลอร์ในสมัยก่อนนั้นมีราคาค่อนข้างสูง จึงทำให้มีฟิลเลอร์ปลอมออกสู่ท้องตลาดมากมาย โดยฟิลเลอร์ปลอมที่ว่านี้ก็มีมากมายหลายรูปแบบ โดยมีทั้งแบบซิลิโคนเหลว แบบที่เป็นฟิลเลอร์แต่ว่าไม่บริสุทธ์ และมีฟิลเลอร์ของปลอมที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่สามารถละลายออกจากร่างกายได้ 100% ดังนั้น ความเสี่ยงที่ว่านี้คือความเสี่ยงและอันตรายจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งหากคุณไม่ระมัดระวังหรือตรวจเช็คให้ดีก่อน หรือฉีดกับคลินิกที่คิดราคาค่าฉีดถูกเกินไป ก็ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม หากสาวๆ กังวลในเรื่องของความปลอดภัย แนะนำให้หาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งสมัยนี้มีข้อมูลให้อ่านและมีรีวิวมากมาย โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถหาอ่านได้ไม่ยาก และมีการเปรียบเทียบข้อมูลบนโลกออนไลน์ หากสาวๆ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ในการฉีดใต้ตา ก็แทบจะไม่ต้องกังวลในเรื่องของความอันตรายที่เกิดจากตัวฟิลเลอร์เลย เพราะเมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าร่างกาย ฟิลเลอร์ของแท้จะสามารถสลายเองได้ 100% ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวหรืออันตรายอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจอีกต่อไป หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ในการฉีด
รวม Q/A ที่คนอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องรู้ก่อนฉีด !
สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังมองหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อที่จะศึกษาข้อมูลเหล่านั้นก่อนใช้บริการที่คลินิกเสริมความงาม ทางเราได้รวบรวมคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่สาวๆ ควรรู้ มาไว้ที่นี่แล้ว ดังนี้
Q : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยจริงหรือไม่ ?
A : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยทำให้บริเวณรอบดวงตามีความตึงกระชับมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อย ซึ่งเมื่อเกิดความหย่อนคล้อยของใต้ตา ก็จะทำให้ใบหน้าโดยรวมโดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม มีความหย่อนคล้อยตามไปด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สวยสดใส มองแล้วเหมือนคนป่วย
ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงถือเป็นวิธีที่เหมาะสมที่จะช่วยยกกระชับบริเวณผิวหนังใต้ตา ให้มีความเนียนเรียบ มีน้ำมีนวล และเมื่อใต้ตาถูกยกกระชับแล้ว บริเวณร่องแก้มก็จะถูกยกกระชับตามไปด้วย ทำให้ใบหน้าโดยรวมของคุณมีความอ่อนเยาว์กว่าวัยมากขึ้น รู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่มีสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และสดใสมากกว่าเดิม
Q : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร ?
A: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยบริเวณใต้ตา ส่งผลให้ใบหน้าแลดูไม่สดใส ดูมีอายุ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะพบปัญหาเหล่านี้ในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากชั้นคอลลาเจนภายในผิวหนังเริ่มเสื่อมสภาพไปกาลเวลา จึงจำเป็นต้องเติมเต็มด้วยสารที่สกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการยกดึงกระชับผิวหน้าให้กลับมาแลดูอ่อนวัยอีกครั้ง
Q : วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรทำอย่างไรบ้าง ?
A : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจจะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากนัก แต่สิ่งที่ควรตระหนักถึงคือ การงดรับประทานยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี แอสไพริน และควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติการแพ้ยา
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรนอนราบเป็นระยะเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง และยังไม่ควรแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิดเป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมงแรก เนื่องจากอาจทำให้สารฟิลเลอร์กระจาย และไม่ให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ อีกทั้งยังควรงดออกกำลังกายภายใน 48 ชั่วโมงแรก หรือการสัมผัสความร้อนด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งห้ามถูหน้าแรงๆ เพราะอาจทำให้สารฟิลเลอร์สลายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ควรทำคือ การดื่มน้ำในปริมาณมากๆ โดยอาจจะดื่มน้ำประมาณ 8-12 แก้วต่อวัน
Q : ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตา มีอะไรบ้าง ?
A : การฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตา นั้น ไม่ได้มีความเสี่ยงหรือก่อให้เกิดอันตรายใดๆ เพราะเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ควรระวังคือ การใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งไม่ได้มาตรฐานตามที่ทางองค์การอาหารและยากำหนดอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงและเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงควรใช้บริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้สามารถฉีกฟิลเลอร์ใต้ตาและแก้ปัญหาได้ดีสมความตั้งใจ อีกทั้งยังควรเลือกสถานที่ให้บริการที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน รวมทั้งควรเลือกคลินิกหรือสถาบันความงามที่ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ สตรีมีครรภ์หรือสตรีที่กำลังให้นมบุตรไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดไหลยาก ก็ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ด้วยเช่นกัน
Q : ราคาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ แพงไหม ?
A : สำหรับราคาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นมีมากมายหลายราคา โดยทั่วๆ ไปจะเริ่มต้นที่ 2,500 บาทต่อซีซี ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับการจัดโปรโมชั่นของทางคลินิกที่ให้บริการอีกด้วย แต่สิ่งที่สาวๆ ควรระมัดระวังคือ การใช้บริการในสถานบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งมักจะมีข้อเสนอราคาถูก และมักจะใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองหรือไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นไม่ควรเห็นแก่ของถูก เพราะเราไม่สามารถทราบได้ว่าสารที่นำมาฉีดนั้นเป็นสารชนิดใด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีผลข้างเคียงและอันตรายตามมาได้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์และควรใช้บริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะดีกว่า
Q : ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ฉีดใต้ตา ตัวไหนดี ?
A : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น เป็นการฉีดฟิลเลอร์ลงในชั้นผิวหนังที่ค่อนข้างบาง ดังนั้นจึงควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณสมบัติทำให้ผิวฟูมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ตาดูบวม ดูไม่สวย และไม่เป็นธรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรเน้นฉีดให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดถึงจะออกมาสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะหากใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่อุ้มน้ำมาก จะส่งผลให้ผิวดูฟูเยอะเกินไป อาจทำให้ใบหน้าดูบวมผิดธรรมชาติได้
Q : จะเกิดอะไรขึ้น หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม และจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ?
A : การใช้ฟิลเลอร์ปลอมนั้นอาจจะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมเป็นสารที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้น จึงอาจทำให้มีสิ่งแปลกปลอมตกค้างอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าไม่เกิดผลดีต่อตัวผู้ฉีดแน่นอน โดยฟิลเลอร์ปลอมนั้นมีอยู่ 3 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ฟิลเลอร์แบบไม่ย่อยสลาย
กรณีที่ฉีดสารฟิลเลอร์ปลอมเข้าไป จะทำให้เกิดเป็นรูปร่างคล้ายก้อนซิลิโคนในบริเวณที่ฉีด โดยในช่วงแรกของการฉีดจะมีลักษณะนิ่มเหมือนฟิลเลอร์แท้แบบปกติ แต่พอผ่านไป 1-2 ปี ตัวฟิลเลอร์จะเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นไตแข็งๆ ฟิลเลอร์ปลอมเมื่อยิ่งทิ้งไว้ในร่างกายนานไป น้ำหนักก้อนไตก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่คงอยู่ที่เดิม มีการเคลื่อนตัว และจะทำให้รูปหน้าของผู้ที่ฉีดเกิดการผิดรูป สุดท้ายก็ต้องไปผ่าตัดขูดออก
ประเภทที่ 2 ฟิลเลอร์ไม่บริสุทธิ์ แต่มีความใกล้เคียงกับฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์ที่ไม่บริสุทธิ์ มีลักษณะคล้ายกับฟิลเลอร์ของแท้มาก แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงคือ ไม่สามารถสลายออกจากร่างกายได้หมด ส่วนมากฟิลเลอร์ประเภทนี้จะอยู่ได้ไม่นาน ต้องถูกฉีดเข้ามาเติมบ่อยๆ และมีโอกาสเป็นก้อนไตแข็งๆ ได้เหมือนกัน ซึ่งฟิลเลอร์แบบนี้ราคาก็จะสูงกว่าแบบแรก แต่ก็ยังมีราคาถูกกว่าของแท้
ประเภทที่ 3 ฟิลเลอร์ปลอมที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐาน ย่อยสลายไว
ฟิลเลอร์ปลอมที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐานสามารถสลายหมดได้ แต่อาจจะอยู่ได้ไม่ถึง 6 เดือน ซึ่งถ้าสาวๆ คนไหน เคยลองไปฉีดฟิลเลอร์ตัวนี้แล้วก็จะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าจะต้องไปเติมบ่อยๆ และจะต้องเสียเงินซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบไม่รู้จบ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์แบบนี้ดูแล้วเหมือนจะราคาถูก แต่ถ้าคิดแบบรวมๆ ในการฉีดหลายๆ ครั้ง ก็อาจจะแพงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ของแท้เพียงแค่ 1 ครั้งได้
Q : ความผิดพลาดที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะส่งผลอย่างไรได้บ้าง ?
A : ทุกๆ การเสริมความงามย่อมมีข้อผิดพลาด แน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็เช่นเดียวกัน ซึ่งผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น มีดังนี้
- เสี่ยงต่อการฉีดไม่ถูกตำแหน่ง เช่น ฉีดตื้นหรือลึกจนเกินไป ทำให้ไม่สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน และยังเสี่ยงตาบอดได้อีกด้วย
- เกิดอาการบวมไม่ยุบ โดยเฉพาะกับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มบริเวณร่องใต้ตา เป็นผลจากการอุดตันทางเดินน้ำเหลือง ซึ่งทำให้ใต้ตาดูบวมๆ คล้ายมีถุงใต้ตา
- ผิวหนังเป็นก้อนๆ หรือตะปุ่มตะป่ำ กรณีนี้พบได้บ่อย โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มหรือใต้ตาที่ฉีดฟิลเลอร์ตื้นจนเกินไป
- บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีเส้นเลือดฝอยสีแดงๆ เกิดขึ้น เป็นผลอันเนื่องมาจากอนุภาคของสารฟิลเลอร์ไปอุดตันเส้นเลือดฝอยในจุดๆ นั้น
- เนื้อเยื่อข้างเคียงของบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์เกิดอาการตาย จากการที่อนุภาคของสารฟิลเลอร์ไปอุดตันเส้นเลือดขนาดกลาง
- เกิดอาการอักเสบติดเชื้อ
- ตาบอด โดยเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายมากที่สุด มักเกิดจากการฉีดสารฟิลเลอร์อย่างผิดวิธี ทำให้อนุภาคของสารฟิลเลอร์หลุดเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่ดวงตา ซึ่งในประเทศไทยเราก็เคยมีข่าวกรณีนี้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความถี่ของการเกิดความผิดพลาดจะลดน้อยลงไป หากสาวๆ ใส่ใจเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีมาตรฐาน และมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทำการฉีดให้ ดังนั้น หากต้องการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ จึงควรศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่ต้องการใช้บริการให้ดีก่อนเข้าใช้บริการทุกครั้ง
Q : ปัญหาที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดพลาด มีอะไรบ้าง ?
หลังจากที่เกิดการฉีดฟิลเลอร์ผิดพลาด หรือถูกฉีดอย่างผิดวิธี อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเช่นเดียวกัน เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก จึงทำให้มีโอกาสที่สารฟิลเลอร์จะหลุดเข้าไปในเส้นเลือดมีมาก ดังนั้น การเลือกคุณหมอหรือแพทย์ที่จะมาทำการฉีดฟิลเลอร์ให้ ควรเลือกผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญมากเป็นพิเศษเท่านั้น จึงจะทำแล้วออกมาดี ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพึงพอใจมากที่สุด และสำหรับปัญหาที่พบได้บ่อยจากการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องใต้ตานั้น ก็มีดังนี้
1.บางครั้งอาจใช้การแก้ไขที่ผิดวิธี
การที่สาวๆ มีถุงไขมันใต้ตา มีความต้องการพยายามกลบรอยนูนของถุงใต้ตาเหล่านั้นด้วยการเติมสารเพื่อให้รอยนูนนั้นเท่ากัน ในรายที่มีถุงไขมันใต้ตาไม่มากก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ด้วยเช่นเดียวกัน ในบางกรณีการใช้สารฟิลเลอร์อาจซ้ำเติมและก่อให้เกิดปัญหาที่มากกว่าเดิม แต่ควรแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการนำถุงไขมันที่อยู่ที่บริเวณใต้ตานั้นออกไปเพื่อให้ผิวหนังบริเวณนั้นเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ดีกว่าและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า
2.ฟิลเลอร์ที่ฉีดมาความตื้นเกินไป
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ร่องใต้ตาดูตื้นขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ฉีดผิดตำแหน่ง หรือฉีดผิดวิธีอาจทำให้ปรากฏเป็นรอยนูนคล้ายตัวหนอนขึ้นที่บริเวณใต้ตา และร่องรอยนั้นจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากยิ้ม ดังนั้นปัจจัยเรื่องตำแหน่ง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีด และวิธีการฉีดนั้น มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก
3.เป็นอุปสรรคในการรักษาทางการแพทย์
หากเกิดเหตุจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโรคหรืออาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับดวงตา การฉีดฟิลเลอร์บางครั้งอาจจะทำให้การวินิจฉัยโรคจากทางการแพทย์นั้นเป็นไปได้ยากและอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย เนื่องจากมีสารฟิลเลอร์ปิดกั้นอยู่ อีกทั้งปริมาณการฉีดในแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน การฉีดฟิลเลอร์จึงอาจเป็นอุปสรรคและทำให้การรักษาโรคมีความยุ่งยากขึ้น ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาอาการผิดปกติทางดวงตา ควรแจ้งให้คุณหมอทราบก่อนทุกครั้งว่าไปฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามา
4.อาการฟิลเลอร์ไหล
ฟิลเลอร์บางชนิดอาจเกิดการไหลได้หากสัมผัสกับความร้อน และอาจเกิดการเคลื่อนตัวลงมาที่บริเวณแก้ม ซึ่งในกรณีนี้อาจยากต่อการรักษาหรืออาจจะรักษาไม่ได้เลย ต้องรอให้ฟิลเลอร์สลายตัวเองเท่านั้น
5.รอยฟกช้ำ
การฉีดฟิลเลอร์อาจก่อให้เกิดอาการฟกช้ำได้ เพราะเข็มที่ฉีดเข้าสู่ผิวหนังอาจทำให้เส้นเลือดแตก การฉีดตื้นมากจนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการผิวหนังตายหรือตาบอดจากสารฟิลเลอร์หลุดเข้าไปในเส้นเลือด ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตาควรพิจารณาให้มากๆ โดยเฉพาะคนที่มีถุงใต้ตาอยู่แล้ว การศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนย่อมถือเป็นการป้องกันที่ดี เพราะดีกว่าการมาแก้ไขในภายหลัง
Q : ทำไมในบางกรณี การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงทำให้ตาบอดได้ ?
A : การฉีดฟิลเลอร์ในบางกรณีที่ทำให้ตาบอดนั้น เพราะใต้ผิวหนังบริเวณรอบๆ ดวงตามีเส้นเลือดมากมาย ทั้งเส้นเลือดแดงใหญ่ที่เป็นท่อนำทางส่งเลือดมาหล่อเลี้ยงที่อวัยวะภายในลูกตา หากมีการอุดตันที่เส้นเลือดนี้ก็อาจทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ภายในดวงตาได้ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทำให้เซลล์ของจอประสาทตาตาย และทำให้ตาบอดในที่สุด หากเกิดอาการเหล่านี้มักยากต่อการรักษา อีกทั้งยังเป็นเคสเร่งด่วนทางตาที่จำเป็นต้องรีบรักษาให้หายภายในระยะเวลา 90 นาที นับหลังจากเกิดอาการอุดตัน เพราะถ้าหากเข้ารับการรักษาไม่ทัน เซลล์จอประสาทตาจะตายแบบถาวรและทำให้ตาบอดในที่สุด
Q : มีเหตุผลอะไรบ้าง ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?
A : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดเพื่อเติมเต็มร่องลึกของผิวหนังใต้ดวงตา ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรทำความเข้าใจและศึกษารายละเอียดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน และยอมรับผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งหากสาวๆ คนไหนมีความกังวลมากจนเกินไปก็อาจเป็นเหตุผลที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และเหตุผลดังกล่าว ก็มีดังต่อไปนี้
1.กลัวผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเป็นกังวลกับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่การกังวลที่มากจนเกินไป หรือการกังวลในผลข้างเคียงเล็กๆ น้อยๆ อย่างอาการบวมหรือช้ำ อาจเป็นเหตุผลที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ เพราะแน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์ย่อมมีผลกระทบเหล่านี้อยู่แล้ว
2.ศึกษาข้อมูลยังไม่ดีมากพอ
ก่อนการเข้ารับบริการการฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน ทั้งข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบต่างๆ อีกทั้งยังควรปรึกษาคุณหมอเจ้าของเคสเพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับบริการ
3.มีความคาดหวังที่สูงมากจนเกินไป
แน่นอนว่าคุณหากเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ก็ย่อมต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพของแต่ละบุคคล อีกทั้งโดยทั่วๆ ไปแล้ว ทางการแพทย์จะไม่รับประกันผลในเรื่องของอาการบวมช้ำหลังจากการฉีด ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นด้วย
ประเภทของการฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตา
ฟิลเลอร์นั้นโดยทั่วๆ ไปมีอยู่ 2 ประเภท คือฟิลเลอร์ระดับชั่วคราว ซึ่งสามารถอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 4-6 เดือน มีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ส่วนอีกประเภทคือฟิลเลอร์ระดับถาวร ซึ่งเป็นสารจำพวกซิลิโคน น้ำมันพาราฟิน จึงไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะยังไม่สามารถรับมือกับผลข้างเคียงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวได้
อ่านข้อมูลฟิลเลอร์เพิ่มเติม : vsquareclinic.com
การทำงานของฟิลเลอร์ ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน โดยทั่วไป จะใช้เวลาเพียงแค่ 15-30 นาทีเท่านั้น เมื่อฉีดลงบนผิวหนังในตำแหน่งที่ต้องการ ตัวสารจะออกฤทธิ์ในทันที และจะเห็นผลอย่างชัดเจนมากที่สุดหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 5 วัน ตัวสารฟิลเลอร์จะคงอยู่และให้ผลลัพธ์นานถึง 6 เดือน โดยระยะการคงอยู่ของฟิลเลอร์ในร่างกายนั้นขึ้นอยู่กับสรีระร่างกายของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ช่วยเติมเต็มร่องลึกที่บริเวณหางตา ใต้ตา และผิวรอบดวงตาให้ดูตื้นมากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัย เนื่องจากฟิลเลอร์จะไปเติมเต็มส่วนที่ยุบตัวลงของบริเวณหางตาและผิวรอบดวงตาให้มีความตื้นขึ้น ผิวหน้าจึงแลดูเด้ง เต่งตึง และอ่อนเยาว์ขึ้น
- ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ โดยไม่ต้องรอนาน
- ปลอดภัย เนื่องจากเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างในร่างกาย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หากฉีดในปริมาณมากๆ อาจจะส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อน
- อาจก่อให้เกิดอาการบวม แดง ในบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน
- เมื่อฉีดแล้ว ผลลัพธ์จะอยู่ยาวนานเป็นระยะเวลา 6 เดือน หากฉีดผิดพลาดก็อาจจะไม่สามารถทำการแก้ไขได้ ซึ่งจะต้องทนรอจนกว่าสารฟิลเลอร์จะย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ
สนใจติดต่อสอบถาม The Clover Clinic
ที่อยู่ : สาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 6 : 092-761-1931
สาขา สัมมากรเพลสราชพฤกษ์ : 097-081-2817
สาขา เซ็นทรัลบางนา ชั้น 14 โซนทาวเวอร์ : 090-909-3547
Line ID : @thecloverclinic หรือแอดเลย https://line.me/R/ti/p%40thecloverclinicขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.vsquareclinic.com
Facebook : www.facebook.com/thecloverclinic
ขอบคุณแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.vsquareclinic.com/tips/under-eye-fillers/